คำถามที่พบบ่อย

ค่ามาตรฐานของค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่ควรเกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่ามาตรฐานของค่าเฉลี่ยราย 1 ปี ไม่ควรเกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ เอคิวไอ (AQI: Air Quality Index) เป็นการนำข้อมูลคุณภาพอากาศมาแปลงเป็นระดับผลกระทบต่อสุขภาพ ใช้สีเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงระดับความรุนแรง สังเกตได้ว่าค่าของ AQI จะไม่มีหน่วย แต่ค่าที่แสดงถึงปริมาณของสารมลพิษ จะมีหน่วยเป็นความเข้มข้นของสาร เช่น ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นต้น

ดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทย แสดงระดับสี 5 ระดับ สีฟ้า เขียว และเหลือง แสดงระดับมลพิษทางอากาศที่ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยสีเหลืองคือใกล้ถึงค่ามาตรฐาน อาจจะมีผลกระทบต่อผู้ที่อ่อนไหวกับมลพิษทางอากาศเป็นพิเศษได้ และเมื่อเกินค่ามาตรฐานจะเป็นสีส้ม และสีแดง โดยจะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปในวงกว้างได้

ณ ค่าปริมาณมลพิษที่เท่ากัน เมื่อแปลงเป็นระดับสี AQI จะพบว่าของไทยกับต่างประเทศ ใช้สีที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างอยู่ที่การแสดงสีเท่านั้น ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจระดับคำเตือนทางสุขภาพ จะพบว่าคำเตือนทางสุขภาพของไทยและต่างประเทศตรงกัน

การชั่งตวงตรวจวัดมักจะให้ค่าไม่เท่ากันตามวิธีการ เช่น เครื่องชั่งระบบดิจิตอล กับเครื่องชั่งระบบตุ้มน้ำหนัก จะให้ค่าที่แตกต่างกันเป็นต้น เครื่องมือตรวจวัดจึงจำเป็นต้องได้รับมาตรฐานรับรองความแม่นยำเที่ยงตรง ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ใช้เครื่องมือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก U.S. EPA และได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าให้ค่าถูกต้องตลอดเวลา เราจึงสามารถยืนยันความถูกต้องได้ในระดับนานาชาติ สำหรับเว็บไซต์อื่น ผู้ใช้งานควรศึกษาว่าเครื่องมือเหล่านั้นผ่านการรับรองมาตรฐานหรือไม่ อย่างไร เพื่อพิจารณาความแม่นยำเที่ยงตรงของข้อมูล

ผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศที่เป็น ค่าเฉลี่ย 1 ชั่วโมงจะเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลง อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงจะค่อนข้างคงที่ ตามรายงานขององค์กรอนามัยโลก (WHO) ผลกระทบทางสุขภาพของฝุ่นละอองจะเน้นไปทางผลกระทบระยะกลาง-ยาว เช่น ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้น WHO จึงได้แนะนำค่ามาตรฐานสำหรับค่าเฉลี่ยระยะ 24 ชั่วโมง และระยะ 1 ปี สำหรับข้อมูลราย 1 ชั่วโมง มักนิยมใช้เพื่อการเฝ้าระวังระยะสั้น โดยเฉพาะผู้ที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษกับมลพิษทางอากาศอาจจะมีอาการได้ เช่น โรคความดันกำเริบ หอบหืดกำเริบ เป็นต้น

กรมควบคุมมลพิษ กำลังเร่งพัฒนาเพื่อขยายเครือข่ายการตรวจวัดให้ครอบคลุม ในระยะที่ยังไม่มีข้อมูลในพื้นที่ของท่าน ประชาชนสามารถใช้ข้อมูลจากสถานีใกล้เคียง และมีกิจกรรมคล้ายกับพื้นที่ของตนเอง โดยพื้นที่แบ่งเป็น เช่น เป็นพื้นที่เขตเมือง พื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่เกษตรกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์มลพิษทางอากาศเกินค่ามาตรฐาน ประชาชนจะสามารถรับรู้มลพิษได้ด้วยตนเอง เช่น กลิ่นไม่พึงประสงค์ การหายใจอึดอัด ความระคายเคือง เป็นต้น ควรติดต่อสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดของท่าน หรือติดต่อกรมควบคุมมลพิษ สายด่วน 1650

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง หมายถึง ประชาชนที่อาจเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศมากกว่าประชาชนทั่วไป เช่น ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เด็กเล็กอายุไม่เกิน 5 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น ส่วนประชาชนทั่วไป หมายถึง ประชาชนนอกเหนือจากประชาชนกลุ่มเสี่ยง